สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับงานแต่งงานแบบไทย คือ พิธีรดน้ำสังข์ เป็นพิธีที่ได้รับอิทธิพลมาจากพราหมณ์ ที่มีตำนานความเชื่อมาว่าเมื่อพระอิศวรสร้างเขาพระสุเมรุแล้ว ได้ให้พระพรหมธาดาขึ้นไปอยู่ในพรหมโลก เป็นใหญ่กว่าพระพรหมทั้งหลาย พระพรหมที่มีจิตริษยาต่างไม่พอใจ จึงไปจุติเป็นสังข์อสูรใต้เขาพระสุเมรุ เมื่อพระพรหมธาดาจะนำคัมภีร์พระเวทไปถวายพระอิศวร ระหว่างทางเกิดรุ่มร้อนจึงแวะลงอาบน้ำ แล้ววางคัมภีร์ไว้ สังข์อสูรจึงให้ผีเสื้อน้ำไปเอาคัมภีร์มา แล้วกลืนลงไปในท้อง พรหมธาดาจึงได้ไปทูลพระอิศวร เมื่อพระอิศวรทราบเรื่อง จึงขอให้พระนารายณ์จัดการเรื่องนี้ พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นปลากรายทอง ไล่สังหารผีเสื้อน้ำและล้วงเอาคัมภีร์ออกจากท้องสังข์อสูร และได้สาปสังข์อสูรซึ่งจุติมาจากพรหมและยังได้กลืนคัมภีร์พระเวทลงไป ถือเป็นสิ่งมงคล ให้ภายหน้าผู้ใดทำการมงคลต้องมีสังข์อยู่ในพิธี
นอกจากนั้นแล้วสังข์ยังเป็น 1 ใน 4 อาวุธของพระนารายณ์ และเป็น 1ใน 14 สิ่งที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูรจึงถือเป็นสิ่งเป็นสิริมงคลแก่ผู้บ่าวสาว น้ำที่ใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ ต้องเป็นน้ำที่เจริญพระพุทธมนต์ การใช้น้ำหมายถึง ความมั่นคง ร่มเย็น เป็นปึกแผ่น และการใช้ชีวิตคู่ด้วยความใจเย็น การรดน้ำสังข์เป็นการรวมเอาสิ่งที่เป็นสิริมงคลไว้ด้วยกัน เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตที่มีเจริญรุ่งเรือง
ในสมัยโบราณมีพิธีพรมน้ำมนต์ให้บ่าวสาว เรียกว่า พิธีซัดน้ำ โดยพระสงฆ์เป็นพูดทำให้ โดยตักน้ำมนต์ในบาตรสาดคู่บ่าวสาวจนเปียกปอน จนต้องไปเปลี่ยนชุดหลังจากเสร็จพิธี โดยมีเพื่อนๆนั่งล้อมอยู่เพื่อให้บ่าวสาวเบียดชิดกัน เพื่อให้บ่าวสาวได้ล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดเสียก่อนเข้าพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น เป็นการขจัดสิ่งไม่ดีออกจากตัว เป็นการเริ่มต้นพิธีแต่งงานอย่างเป็นสิริมงคล ต่อมาเห็นว่าพิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยากและเปรอะเปื้อน จึงเปลี่ยนมารดน้ำที่ศีรษะแทน พิธีรดน้ำสังข์อย่างที่เห็นในปัจจุบันน่าจะเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงริเริ่มให้ใช้ในพิธีแต่งงานของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์กับพระองค์เจ้าหญิงอรพัทธ์ประไพ ภายหลังเป็นที่นิยมในหมู่เจ้านาย จนมาถึงประชาชนทั่วไปในปัจจุบัน
การรดน้ำสังข์เริ่มจากคู่บ่าวสาวจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วไปนั่งประจำที่รดน้ำสังข์ เจ้าสาวต้องนั่งซ้ายมือของเจ้าบ่าว และหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือเท่านั้น โดยให้พระ พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ที่เชิญเป็นผู้เจิม 3 จุดที่หน้าผากเป็นรูปสามเหลี่ยม ถ้าเป็นพระจะเจิมให้เจ้าบ่าว แล้วจับมือเจ้าบ่าวเจิ่มให้เจ้าสาว และสวมมงคลแฝด ซึ่งโยงเจ้าบ่าวและเจ้าสาวไว้ด้วยกัน และปลายจะโยงไปที่ขันน้ำมนต์ และพระสงฆ์ ผู้ที่สวมมงคลแฝดจะเป็นผู้ที่รดน้ำสังข์ให้เป็นคนแรก ตามด้วยพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ ผู้ที่จะรดน้ำสังข์ต้องเป็นผู้ที่อายุมากกว่าบ่าวสาว นิยมรดที่มือเจ้าสาวก่อน จึงมารดให้เจ้าบ่าว ระหว่างพิธีรดน้ำสังข์ พระสงฆ์จะสวดชยันโตไปด้วย เมื่อเสร็จพิธีรดน้ำสังข์ให้ผู้ใหญ่ที่เชิญมา หรือพ่อแม่เป็นคนถอดมงคลให้ และประคองกันลุกขึ้นยืนพร้อมกัน เพราะมีความเชื่อว่า ใครที่ลุกขึ้นยืนก่อนจะมีอำนาจเหนืออีกคน
จะเห็นได้ว่าเป็นพิธีที่เต็มไปด้วยความหมายและสิ่งดีๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตคู่ของบ่าวสาว และยังเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามและเป็นเอกลักษณ์ของไทย มีคุณค่าแก่การอนุรักษ์สืบต่อไป
Cr.
https://www.centarahotelsresorts.com/th/centaragrand/cglb/wedding/
https://pantip.com/topic/33277441