กะหล่ำปลีม่วง (Red cabbage) นิยมนำมารับประทานกับสลัด กะหล่ำปลีม่วงอุดมไปด้วยคุณค่าและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย มาดูกันเลยว่ากะหล่ำปลีม่วงมีประโยชน์อะไรบ้าง
1.ชะลอวัย ในพืชผักสีม่วงจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างสารแอนโทไซยานินและฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยชะลอความแก่ชรา ป้องกันการเกิดริ้วรอยได้
2.ต้านมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า สารแอนโทไซยานินและฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง ลดโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งในช่องท้อง
3.ช่วยลดน้ำหนัก กะหล่ำปลีม่วงมีไฟเบอร์สูงมาก จึงช่วยกระตุ้นลำไส้ทำให้กากอาหารนุ่มลง แก้อาการท้องผูกได้ดี มีเส้นใยอาหารสูง อีกทั้งยังทำให้รู้สึกอิ่มนาน กะหล่ำปลีม่วงปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 31 กิโลแคลอรี จึงเป็นผักที่เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการลดความอ้วน
4.วิตามินซีสูง กะหล่ำปลีม่วงมีวิตามินซีมากกว่ากะหล่ำปลีสีเขียวถึง 2 เท่า กะหล่ำปลีม่วง 100 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 57 มิลลิกรัม ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
5.บำรุงดวงตา กะหล่ำปลีม่วงมีวิตามินเอสูงจึงช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา แก้อาหารตาฝ้าฟาง ป้องกันโรคต้อหิน โรคต้อกระจก
6.บำรุงครรภ์ กะหล่ำปลีม่วงมีโฟเลตเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
7.ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ กะหล่ำปลีม่วงเป็นแหล่งวิตามินเคถึง 79 % ซึ่งวิตามินเคจะช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ดี เลือดลำเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์
8.สมานแผลในกระเพาะอาหาร กะหล่ำปลีม่วงมีสาร เอส-เมทิลเมไธโอนีล หรือวิตามินยู (Vitamin U) ช่วยลดการอักเสบและสมานแผลในกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดท้องจากแผลในกระเพาะ
9.เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก กะหล่ำปลีม่วงอุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส และแร่ธาตุสำคัญอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง และยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน โรคข้ออักเสบ
ทั้งหมดนี้มาจากประโยชน์ของผักชนิดเดียวอีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกเพียบ ข้อดีเยอะขนาดนี้ไม่กินไม่ได้แล้วครับ