เชื่อได้ว่างานแต่งงานในยุคนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ภาพพรีเวดดิ้ง การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งช่วยให้บ่าวสาวได้ลองชุดแต่งหน้าทำผมก่อนวันงานจริง แถมยังได้ทำความคุ้นเคยกับช่างภาพก่อน เพื่อที่ช่างภาพได้รู้ว่า มุมของคุณที่ถ่ายออกมาสวย เป็นการทดลองถ่ายภาพก่อนงานแต่งจริง ดังนั้นจึงควรใช้ช่างภาพคนเดียวกันถ่ายภาพทั้งพรีเวดดิ้งและในวันงาน นอกจากบ่าวสาวจะมีรูปสวยๆ ที่ใช้ตกแต่งในงานแต่งงาน ใช้ในการพิมพ์การ์ดหรือภาพสไลด์โชว์ในงาน ปกติภาพพรีเวดดิ้งย่อมสวยกว่ารูปภายในงานแต่งงานอยู่แล้ว เพราะบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยแขกที่มาร่วมงาน และพิธีการต่างๆ ซึ่งบ่าวสาวจะได้มีภาพสวยๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนที่จะทำการถ่ายพรีเวดดิ้งเราจึงควรวางแผนก่อนล่วงหน้าเพื่อให้ได้ภาพที่สวยประทับใจ
1..เป้าหมายของการถ่ายพรีเวดดิ้ง เพื่อนำไปใช้ทำอะไร ถ้าใช้ตกแต่งภายในงาน ภาพที่ได้ควรเข้ากับบรรยากาศของงาน หรือใช้เป็นส่วนประกอบอื่นๆ ของงาน ก็ต้องคำนึงถึงธีมของงานด้วย อยากได้ภาพแบบไหน ภาพแบบเป็นทางการ ภาพที่ดูสนุกสนาน ภาพโรแมนติก
2.คอนเซ็ปต์ของภาพที่ต้องการ ควรใส่ความเป็นตัวตนของบ่าวสาวลงไป เช่น รักธรรมชาติ ก็อาจเป็นแนวเที่ยวแคมปิ้ง แนวสตรีทสำหรับคู่รักฮิปเตอร์ ควรคำนึงถึงสถานที่ใช้ถ่ายภาพ บรรยากาศเป็นอย่างไร ต้องใช้พร๊อพอะไรบ้าง ควรถ่ายช่วงเวลาไหน แสงเป็นยังไง เพราะภาพที่ได้จะเป็นตัวเล่าเรื่องราวของทั้งคู่ จึงต้องเลือกองค์ประกอบค่างๆ ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ภาพที่ต้องการซึ่งคู่บ่าวสาวควรเป็นคนกำหนดเอง
3.การเลือกสถานที่ที่ใช้ถ่ายภาพ ก็ต้องตอบสนองกับคอนเซ็ปต์ที่วางไว้ แบ่งออกเป็น 2 อย่างคือ ถ่ายในสตูดิโอ กับถ่ายนอกสถานที่ การถ่ายภาพในสตูดิโอสามารถควบคุมองค์ประกอบต่างๆ ได้ ให้ภาพสวย คมชัด การถ่ายนอกสถานที่ อาจมีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ลมฟ้าอากาศ แสง ผู้คน สิ่งแวดล้อม การเลือกสถานที่ควรเลือกที่มีความหมายกับคู่บ่าวสาว หรือสถานที่สวยงามได้บรรยากาศตามที่ต้องการ แต่ควรเป็นสถานที่ที่บ่าวสาวสะดวกในการเดินทาง และแต่ละที่ควรอยู่ไม่ไกลกัน
4.เสื้อผ้า, หน้า, ผม ก็ต้องเข้ากันกับคอนเซ็ปต์ที่ไปถ่าย มีถ่ายกี่เซ็ต อะไรก่อนหลังวางลำดับให้ดี ต้องแต่งหน้าทำผมใหม่ไหม อะไรจะถ่ายก่อนถ่ายหลัง เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน
เพียงแค่วางแผนให้ดี คุณก็ได้ภาพพรีเวดดิ้งสวยๆ ไว้อวดแขกในงาน และเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ไปอีกนานเท่านาน