1. พยายามหาเรื่องชวนคุย
ถือเป็นอาการเบื้องต้นเลยก็ว่าได้ โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ ถ้าเราสนใจใครก็มักที่จะเรียกร้องความสนใจเขาด้วยวีธีการต่างๆ นานา อย่างการชวนคุย และต่อให้ไม่มีเรื่องที่น่าชวนคุยมากแค่ไหน คุณก็จะพยายามหาเรื่องชวนคุยให้จงได้ เหล่านี้เป็นความพยายามของคุณ ที่เป็นตัวส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าคุณชักเริ่มๆ สนใจเขาอยู่ไม่น้อย
2. ตั้งหน้าตั้งตารอแชทจากเขา
แทนที่คุณจะดีใจเมื่อแฟนคุณแชทหรือโทรศัพท์มาหาคุณ นอกจากจะไม่ดีใจแล้ว ยังเบือนหน้าหนีอีกต่างหาก แต่ถ้าได้ลองเป็น “เขาคนนั้น” คุณกลับดีใจยิ้มร่าอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นผมบังภูเขามากเกินไป นี่แหละเป็นอาการของคนที่แอบมีใจ อย่างไรก็ดีนี่เป็นความรู้สึกที่อันตรายมาก หากปล่อยไว้นานย่อมไม่ดีกับฝ่ายไหนแน่ๆ
3. เริ่มเกิดภาพเปรียบเทียบ
ลองสังเกตความคิดตัวเองในตอนที่ว่างๆ ดูสิว่า “เขาคนนั้น” มีแอบแวบเข้ามาในหัวของคุณบ่อยครั้งแค่ไหน และจะแย่อีกเท่าตัว ถ้าคุณเริ่มคิดที่จะเปรียบเทียบระหว่าง “คนรัก” และ “เขาคนนั้น” ว่าคนไหนดีกว่ากัน คนไหนให้ความสุขและเป็นที่พึ่งทางใจให้กับคุณได้มากกว่ากัน ลองถ้าคุณได้คิดเปรียบเทียบแบบนี้ดูแล้วละก็ รับรองว่ามีกระทบความสัมพันธ์กับตัวจริงของคุณแน่นอน ถ้ายังไม่รีบเคลียร์ความรู้สึกของคุณให้ลงตัว
4. ปกปิดความสัมพันธ์ของ “เขาคนนั้น”
ก็ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับ “เขาคนนั้น” เป็นแบบเพื่อนทั่วไป แต่ทำไมคุณจะต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณทั้งสองเป็นเรื่องลับๆ ล่อๆ ด้วยล่ะ จริงไหม? ก็ถ้าบริสุทธิ์ใจจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะแนะนำให้แฟนคุณได้รู้จักเขาไว้ อย่างน้อยๆ ก็เป็นการให้เกียติและให้แฟนคุณรู้สึกสบายใจ
5. อยากมีช่วงเวลาร่วมกับเขา
คนเป็นแฟนกันย่อมต้องอยากบอกเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาต่างๆ ให้กับอีกฝ่ายได้ฟังเป็นเรื่องปกติ แต่จะแปลกมาก ถ้าคุณกลับมีความรู้สึกว่าคุณยินดีที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับ “เขาคนนั้น” มากกว่า แล้วปล่อยให้แฟนของคุณเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องราวนั้น เห็นทีว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วล่ะ เพราะนั่นแปลว่าคุณให้ความสำคัญกับแฟนลดลงแล้วนั่นเอง
เอาเข้าจริงๆ เรื่องแบบนี้เป็นเพียงแค่อารมณ์หวั่นไหวชั่ววูบ แต่มันจะเป็นเรื่องขึ้นมาก็ต่อเมื่อคุณสาวๆ ปล่อยให้ความรู้สึกนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เราบอกเลยว่าถ้าคุณไม่รีบจัดการความรู้สึกนี้ให้ดี ความรักของคุณก็อาจมาถึงทางตันได้ง่ายๆ เลย
Credit : eharmony.com.au, applygodsword.com