เศรษฐกิจแบบนี้ อะไรที่ประหยัดได้ก็ควรทำ อย่างการจัดงานแต่งงานนั้น หากสามารถคุมงบประมาณได้ ก็จะเป็นเรื่องดีมาก ๆ ที่จะได้ทั้งจัดงาน ให้ญาติสนิทและเพื่อนมาแสดงความยินดี และคุมงบประมาณให้ไม่ลำบากตัวเองจนเกินไป ส่วนต้องทำยังไง มาดู Tips ที่ Bride ขอแนะนำกัน
1. อย่าเลือกสถานที่ที่ราคาถูกมาก ให้ดูองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมด
หลายคนเลือกแค่สถานที่ถูก ๆ เพราะคิดว่า สถานที่ที่จัดเลี้ยงที่กำหนดงบขั้นต่ำมันแพงเกินกว่าสถานที่เปล่า ๆ แต่ลืมคิดไปว่าบางทีการเช่าสถานที่เฉย ๆ นั้นอาจจะถูก แต่พอไปรวมกับค่าตกแต่งต่าง ๆ ค่าอาหารใด ๆ แล้ว มันอาจจะแพงกว่าสถานที่ที่จัดเตรียมให้พร้อมหมดทุกอย่างก็ได้ ดังนั้นเปรียบเทียบให้ชัวร์ แล้วเลือกสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด งบประมาณจะได้ไม่บานปลาย
2. อะไรทำเองได้ ทำเอง อะไรทำเองแล้วเปลืองกว่า จ้างทำ
เราเชื่อว่าหลายคนหลายคู่อยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะอยากประหยัดงบประมาณ เช่น การแพ็คของชำร่วยต่าง ๆ แต่อยากให้คำนวณดูดี ๆ นะ ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ บวกกับเวลาที่เสียไป แทนที่จะได้ตระเตรียมอะไรอย่างอื่นได้อีก ถ้าคิดว่าไหวและประหยัดกว่าแน่นอน ทำเลย แต่ถ้าชั่งน้ำหนักดูแล้ว การจ้างคุ้มค่ากว่า และเพิ่มเงินเพียงเล็กน้อย ก็จ้างเอา แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
3. จัดงานที่บ้านไม่ได้ประหยัดเสมอไป
หลายคนคิดว่าการจัดงานที่บ้านนี่แหละประหยัดสุดแล้ว แต่ลองคิดค่าเช่านั่นนี่จิปาถะดูก่อนนะ ทั้ง เต๊นท์ เซตอาหาร ค่าเช่าโต๊ะ เก้าอี้ จานชาม ค่าจัดดอกไม้ ซึ่งค่าเช่าทั้งหลายรวม ๆ กันแล้วอาจมีราคาแพงกว่าการเช่าห้องประชุมเล็ก ๆ สักห้องเพื่อจัดงานก็ได้ แถมอาจจะมีแพ็คเกจครบครัน ดังนั้นหาข้อมูลทุกอย่างเยอะ ๆ แล้วลองคำนวณดี ๆ
4. บางอย่างซื้อดีกว่าเช่า
เจ้าสาวมักคิดว่าการเช่าสิ่งของหลายอย่างเป็นการประหยัดเงิน แต่บางชิ้นก็ควรซื้อ แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายการจะดีกว่าถ้าซื้อ! ค้นหาว่าอะไรจะช่วยคุณประหยัดเงินมากกว่าระหว่างการซื้อกับการเช่า
5. อย่าลืมเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม
การใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งการเช่าสถานที่ อาหาร การจ้างคน อาจจะมีภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย แต่ราคาที่ผู้บริการแจ้งจะเป็นราคาที่ไม่รวมภาษี ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะแพงตามราคาค่าจ้าง ดังนั้นจึงต้องกันงบไว้สำหรับภาษีด้วย
การแต่งงานคือเรื่องใหญ่ เราต้องมีสติทุกครั้งที่จะคิดคำนวณ และจ่ายอะไรก็ตาม ไม่อย่างนั้นงบประมาณอาจจะบานปลายได้ อย่าลืมเปรียบเทียบราคาหลาย ๆ เจ้า เพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการมากที่สุก