ว่าที่เจ้าสาวทุกคนย่อมอยากจะเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่สวยที่สุดในวันสำคัญที่สุดในชีวิตกันทั้งนั้น และจะดีที่สุดหากได้เตรียมตัวอย่างเนิ่นๆ เราอยากชวนคุณมาลองใช้ 15 Beauty Routine นี้ในระยะเวลา 1 เดือนก่อนถึงวันงาน และมันจะทำให้คุณสวยเปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอกอย่างแน่นอน
1. นัดทำเล็บบ่อยๆ
ถ้าคุณถูกขอแต่งงานเรียบร้อย แน่นอนว่าใครต่อใครก็อยากเห็นแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของคุณ ดังนั้น จึงอย่าละเลยการดูแลมือและเล็บไม่ได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีนะ ที่จะได้เลือกสีที่ถูกใจ และใช้เวลาพูดคุยกับช่าง หาทรงเล็บและลวดลายที่เหมาะที่สุดสำหรับวันงาน
Tips : แนะนำให้ทำเล็บเจล เพราะสวยและแข็งแรงทนทาน แต่อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มือก่อนทำ เพราะมือต้องโดนแสง UV จากเครื่องอบเล็บ อาจทำให้ผิวสวยๆ เสียได้
2. ดูแลฟันให้ขาว
ถ้าอยากจะดูดีเวลาที่ถ่ายรูป การดูแลฟันให้ขาวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะว่าที่เจ้าสาวที่ติดชาหรือกาแฟก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่ายาสีฟันส่วนใหญ่จะผสมสารให้ความขาวอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะไม่รวดเร็วพอ ดังนั้น หากพอมีทุนทรัพย์ อยากให้ลงทุนไปฟอกสีฟัน เพื่อให้ฟันขาวสะอาดน่ามองมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากฟอกสีฟันอย่าลืมดูแลช่องปากให้ดีๆ เพราะฟันของคุณจะเซนซิทีฟต่อความเย็นและร้อนง่ายมากในช่วงแรก
3. ทานอาหารสุขภาพให้มากขึ้น
ถ้าทนไหว ลองพยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาล โซเดียม และอาหารแปรรูป เพราะทั้ง 3 อย่างจะนำพาไขมันหน้าท้องและอาการท้องอืดมาเยือนได้ จะให้ดีลองเน้นผักใบเขียว ผลไม้ และดื่มน้ำมากๆ เพราะจะช่วยเติมน้ำให้ผิว ช่วยเพิ่มพลังงาน และทำให้ผิวดูกระจ่างใสมากขึ้น จริงๆ ถ้าอยากดื่มฉลองบ้างเป็นครั้งคราวก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมนะว่าแอลกอฮอล์จะทำให้ตัวบวม แถมผิวแห้งอีกต่างหาก (ยังไม่รวมของว่างหรือจังค์ฟู้ดเวลาตบะแตกนะ)
4. แอคทีฟสักหน่อย
การออกกำลังกายบ่อยๆ จะทำให้รูปร่างเฟิร์มกระชับ และยังช่วยดีท็อกซ์ผิวด้วย การออกกำลังกายที่ดีจะช่วยเพิ่มพลังงาน และทำให้ร่างกายหลังสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข
Tips : แนะนำให้ซื้อคอร์สฟิตเนส เพราะวิธีนี้จะทำให้ไม่มีข้ออ้างเรื่องสภาพอากาศในการออกกำลังกาย แถมยังมีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมสรรพ เหมาะสำหรับการออกกำลังกายทุกประเภท นอกจากนี้ การออกกำลังกายร่วมกับผู้อื่นยังช่วยสร้างแรงจูงใจได้ดีกว่าด้วยนะ
5. ลองยกเวทดูบ้าง
นอกจากการเข้ายิมแล้ว การยกเวทยังเป็นการกระชับกล้ามเนื้อหลังแขนและไหล่ หากไม่รู้ท่าทางที่ถูกต้อง ลองจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว เพื่อให้เขาช่วยแนะนำวิธีการ ทำให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ถ้าจ้างเทรนเนอร์รายเดือนแพงเกินไป ลองจ้างเป็นคอร์สสั้นๆ แล้วให้เขาช่วยกำหนดแผนการออกกำลังกาย ให้คุณไปทำต่อได้เอง
6. เตรียมกระเป๋าความงามไว้
เพราะเราไม่รู้เลยว่าในวันงานหลังจากช่างหน้า-ช่างผมกลับไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขนตาปลอมหลุด เส้นผมกระดก และก็ควรบอกช่างแต่งหน้าให้ครบๆ ว่าถูกใจหรือไม่ถูกใจตรงไหน ระหว่างรอถึงวันงาน คุณอาจจะลองแต่งหน้าเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวเอง เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในวันงาน คุณจะได้มีอุปกรณ์ครบและซ่อมเมคอัพได้อย่างทันท่วงที
7. เตรียมใบหน้าให้พร้อม
พยายามสครับผิวหน้าสัปดาห์ละครั้ง ผิวจะได้เรียบเนียน พร้อมสำหรับการแต่งหน้า เติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกที่จะช่วยเติมเต็มเส้นริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้าให้อิ่มฟูขึ้น
Tips : ช่วง 3 เดือนก่อนถึงวันงาน ลองเข้าคลินิกดูแลผิวทุกเดือน เพื่อเคลียร์ผิวให้ดูกระจ่างใสและสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น อย่าทำใกล้ๆ วันงาน เพราะผิวและใบหน้าจะเข้าที่ไม่ทัน
8. ทำผิวให้ดูสุขภาพดี เปล่งประกาย
สำหรับสาวๆ ฝรั่งอาจจะคิดว่าผิวที่ดูบ่มแดดจะดูสวยโกลว์ เปล่งประกาย ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบ แต่เจ้าสาวบ้านเราส่วนใหญ่มักคิดว่า การมีผิวขาวผ่องจะยิ่งทำให้ดูมีออร่า ถ้าเป็นเช่นนั้นภายใน 1 เดือนก่อนวันงาน ขอให้ว่าที่เจ้าสาวพยายามไม่ออกแดด หมั่นทาไวเทนนิ่งโลชั่น และโลชั่นที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทุกวัน ดื่มน้ำให้มากๆ วันละประมาณ 1.5 ลิตร และในวันงาน ถ้าอยากให้ผิวยิ่งเปล่งประกาย ลองถามช่างแต่งหน้าคุณดู ว่าสามารถใช้ครีมปรับสีผิวให้ยิ่งผ่องได้ไหม
9. ทดสอบการแต่งหน้า
นอกจากการทดลองทำผม ว่าที่เจ้าสาวก็ควรทดลองแต่งหน้าด้วย แต่ช่างแต่งหน้าเจ้าสาวมักไม่ค่อยมีเวลามาลองแต่งให้เราหรอก ใช่ไหมคะ เราจึงแนะนำให้คุณลองฝีมือเองเบาๆ ว่าโทนสีไหนเหมาะกับใบหน้าและสีผิวของคุณมากที่สุด โดยลองทาอายแชโดว์และลิปสติกเฉดสีต่างๆ ที่คุณมั่นใจ เมื่อหาสีที่ถูกใจได้แล้ว ในวันงานก็รีเควสกับช่างไปได้เลย
10. อย่าละเลยคิ้ว
ถ้าคุณสามารถลองกันคิ้วด้วยตัวเองดูก่อน หรือถ้าเคยทำคิ้วแล้ว บอกกับซาลอนได้เลยว่าต้องการทรงคิ้วแบบไหนที่เข้ากับใบหน้ามากที่สุด ส่วนใหญ่การแว็กซ์คิ้วมักจะเป็นที่นิยม เพราะสามารถสร้างรูปคิ้วได้ง่าย แถมขนคิ้วขึ้นช้าด้วย เราไม่แนะนำให้สักคิ้วก่อนวันแต่งงาน เพราะหากพลาด ช่างแต่งหน้าจะแก้ไขให้คิ้วดูซอฟต์ยาก แค่กันคิ้วก็เพียงพอ แล้วช่างแต่งหน้าจะเลือกทรงคิ้วที่สวยที่สุดให้กับคุณเอง
11. ลองติดขนตาปลอม
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแต่งหน้าในวันแต่งงานคือขนตาปลอม เพื่อให้ดวงตาดูสวยหวานน่ามอง แต่ขนตาปลอมก็มีหลากหลายแบบ ทั้งแบบดรามาติก แบบซอฟต์ๆ หวานๆ ซึ่งเราจะรู้ว่าแบบไหนเหมาะกับใบหน้าเราก็ต่อเมื่อได้ทดลองติดแล้วเท่านั้น ลองเลือกขนตาปลอมมาหลายๆ แบบแล้วลองติดดู จะได้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด วันงานจะได้บอกกับช่างได้
12. ใส่ใจริมฝีปาก
อีกส่วนที่ทำให้เมคอัพของเจ้าสาวดูเพอร์เฟ็กต์ นั่นก็คือริมฝีปาก เพราะหากในวันงาน ริมฝีปากของเจ้าสาวดูแห้ง ลอก ก็คงไม่น่ามอง ดังนั้น จึงควรทาลิปบาล์มเป็นประจำ อย่างน้อยทุกคืน ใช้ผ้าขนหนูเปียกหมาดค่อยๆ ถูกริมฝีปากเบาๆ เพื่อเป็นการสครับเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป หรือจะใช้สครับสำหรับริมฝีปากโดยเฉพาะก็ได้
13. เตรียมผมให้พร้อม
ลองคุยกับช่างผมว่าอยากได้ทรงผมแบบไหนในวันงาน และระหว่างนี้ ก่อนจะถึงวันงาน ก็บำรุงผมให้ดีๆ อาจจะทำทรีตเมนท์ง่ายๆ เองที่บ้าน หรือจะเข้าซาลอนบำรุงผมสัปดาห์ละครั้งก็ได้ เลือกแชมพูและครีมนวดผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก ซึ่งจะยิ่งทำให้ผมเงางาม สวยพร้อมวันงาน
14. ดูแลผิวนุ่มเนียนทั่วเรือนร่าง
นอกจากผิวจะดูเปล่งประกายแล้ว ลองสังเกตดูว่ามีจุดหยาบกร้านส่วนไหนในร่างกายบ้าง แล้วหมั่นใช้สครับบริเวณผิวเหล่านั้นขณะอาบน้ำ แล้วทามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของอัลมอนด์หรือเชียร์บัตเตอร์ แล้วอย่าลืมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดบริเวณนั้นดีๆ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวไว้ จะได้สวยเนียนทันวันงาน
15. เตรียมกำจัดขน
ไม่ว่าจะไรหนวดเล็กๆ ที่ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่คุณคงไม่อยากให้มันเห็นชัดในวันงานหรือวันถ่ายพรีเวดดิ้งใช่ไหมล่ะ หรือถ้าใครมีปัญหาขนแขน หรือขนรักแร้ชัด ก็ควรวางแพลนในการกำจัดได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแว็กซ์ หรือการเลเซอร์ เพื่อให้สวยเนียนเพอร์เฟ็กต์ทั่วทั้งตัว แต่ควรทำก่อนวันสำคัญสักประมาณ 1 สัปดาห์นะ เพื่อไม่ให้เกิดรอยต่างๆ ที่กลบยาก
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้อาจจะยุ่งยากสักหน่อย แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าถ้าคุณทำตามได้ทั้ง 15 ข้อนี้ วันสำคัญของคุณจะเป็นวันที่เพอร์เฟ็กต์สุดๆ ไปเลยละ
Credit www.theknot.com