ร่วมเฉลิมฉลองกับชาว LGBTQIA+ หลังจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 เตรียมประกาศใช้เร็วๆ นี้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศอาเซียน และเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ที่ใช้กฎหมายนี้ Bride ขอยินดีกับทุกความรักที่เท่าเทียม และมาดูกันว่าคู่รักได้สิทธิ์อะไรบ้างจากกฎหมายนี้
“สมรสเท่าเทียม” มีอะไรบ้าง
-บุคคล 2 ฝ่ายทุกเพศสามารถสมรสกันได้ โดยต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
-สถานะเป็น “คู่สมรส” แทนคำว่า “สามีภริยา”
-ส่วนสิทธิประโยชน์สมรสเท่าเทียม “คู่สมรส”
-สิทธิจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส
–สิทธิรับบุตรบุญธรรม
–สิทธิการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย
–สิทธิได้รับประโยชน์ และสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส เช่น สิทธิประกันสังคม
-สิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล
คู่รักหลากหลายทางเพศ จะได้สิทธิอะไรจากกฎหมายนี้บ้าง ?
1. สิทธิการได้ดูแลชีวิตของคู่รักของตน
คู่รักสามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ อาทิ การดูแลตัดสินใจเรื่องทางการแพทย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเบิกรักษาพยาบาล การตัดสินใจสำคัญทางการแพทย์ในกรณีที่คน ๆ นั้นไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ หรือกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต อีกฝ่ายก็จะมีสิทธิในการจัดการศพได้ด้วยนั่นเอง
2. สิทธิในการแต่งงาน
ในอนาคตสามารถจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยได้ รวมถึงมีกฎหมายรองรับพิธีกรรมอื่น ๆ เช่น สิทธิการหมั้น การจดทะเบียนสมรส รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส รวมไปถึงการเป็นตัวแทนทางกฎหมาย สิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม และสิทธิได้รับประโยชน์จากสวัสดิการจากรัฐ (อาทิ สวัสดิการข้าราชการ รับประโยชน์ทแทนตามสิทธิประกันสังคม) นอกจากนี้ยังได้สิทธิในการขอสัญชาติอีกด้วย
3. สิทธิการเป็นพ่อแม่ของลูก (ตามกฎหมาย)
พรบ.สมรสเท่าเทียม คู่รัก LGBTQIA+ สามารถเป็นผู้ปกครองของบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ ทั้งนี้ ผู้รับบุตรบุญธรรมยังคงจะต้องมีอายุมากกว่าบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี
4. สิทธิในการหย่าร้าง
สิทธิในการแต่งงานที่เท่าเทียม นำมาซึ่งสิทธิที่เท่าเทียมกันหากคู่รักใช้ชีวิตมาจนจุดแยกจากกันด้วย โดยจะมีสิทธิในการฟ้องหย่า สิทธิในการฟ้องร้องอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น สิทธิการเลี้ยงดูบุตร การเรียกค่าเลี้ยงชีพตามแต่กรณีการหย่าร้างที่เกิดขึ้น และสิทธิในสินสมรส